เคยได้ยินไหม ให้อภัย แต่.. ไม่ให้โอกาส ยกให้โทษทางจิตใจไม่ใช่ทางการกระทำ


 


เคยได้ยินไหม ให้อภัย แต่.. ไม่ให้โอกาส ยกให้โทษทางจิตใจไม่ใช่ทางการกระทำ


ให้ “อภัย” กับ “ให้โอกาส” นั้นคนละเรื่องกัน


การให้อภัย คือ การยกโทษทางจิตใจในสิ่งผิดที่เขาทำต่อเรา


เมื่อคนคนหนึ่งทำไม่ดีกับเรา และ เขาได้รับโทษของความผิดนั้น


เขาพยายามชดใช้ต่อสิ่งนั้น เขาขอโทษ เขาแก้ไข เขาชดใช้ เขาเสียใจ


ทำให้ความรู้สึกแย่ๆของเราบรรเทา เรารู้สึกว่าเราให้อภัยเขาได้


เราจึงให้อภัย ให้อภัยเขาเราสุข โกรธเขาเราทุกข์


การให้อภัยเขาจึงเป็นผลดีต่อจิตใจเราด้วย


สำหรับบางคนนั้น ความผิดยิ่งใหญ่ เกินให้อภัย


ก็ต้องใช้เวลา และ การตัดสิน บางครั้งเราไม่ให้อภัยบางคน


เพราะคิดว่าเราทำไม่ได้ มันยากเกินไป มันหนักหนาเกินไป


หรือไม่เราก็รู้สึกว่า เราไม่อยากให้อภัย เราจะเก็บความโกรธแค้นนี้ไว้


เพราะเขาไม่สมควรได้รับการให้อภัย แต่ในขณะเดียวกันนั้น


เรากลับไม่รู้ตัวว่าจิตใจที่โกรธนั้นมาพร้อมกับการกัดกินหัวใจ


และมันทำให้เรารู้สึกแย่เสมอ แล้วมันไม่ได้ส่งผลต่อคนที่ทำผิดเลย


มันคือขยะที่เรานำมันมาถมจิตใจไปทุกวัน


และ ตั้งจิตปณิธานว่าทุกครั้งที่เรานำขยะนั้นมาถมจิตใจเรา


จะทำให้ความรู้สึกเหล่านี้ ขยะเหล่านี้ ถูกส่งผลไปยังคนที่ทำแย่ๆกับเรา


แต่ไม่จริงเลย เขากลับไม่ไดรู้สึกอะไรเลย เราต่างหางที่รู้สึกแย่


เพราะ ความโกรธ กำลังค่อยๆทำลายความรู้สึกเราไปอย่างช้าๆ


และ มันไม่ใช่การให้อภัย ไม่ได้ทำให้เราหรือเขาดีขึ้นเลยในสักทาง


แต่ ยิ่งทำให้เรามีจิตใจที่เจ็บปวดต่างหาก


ถึงเราจะกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราสามารถปลดปล่อยเรา


จากกองขยะเหล่านี้ได้ ให้อ ภัยเขา เพื่อที่เราจะได้ไม่ทุกข์


คนที่ให้อภัยได้คือคนที่ชนะไม่ใช่พ่ายแพ้


จริงๆ แล้วการให้อภัยกับการให้โอกาส


เป็นคนละส่วนกัน เคยได้ยินไหม… ให้อภัย แต่ ไม่ให้โอกาส


เพราะการให้อภัยคือการยกโทษทางจิตใจ ที่ปลดปล่อยตัวเราจากความคิดแย่ๆ


แต่การให้โอกาสต้องมาพร้อมกับการพิสูจน์ตัวเองของคนทำผิด


ถ้าคนทำผิดไม่ได้กลับใจ ไม่ได้เสียใจ เราไม่จำเป็นต้องให้โอกาสเสมอไป


และบางครั้งเขายังต้องรับโทษจากความผิดนั้น


แต่ส่วนของเรานั้น แค่เดินออกมา แล้วยกโทษให้เขา


ออกจากที่คุมขังแห่งความแค้น เอาความสุขของเรากลับคืนมา


และเอาไปใช้ให้กับการเริ่มต้นใหม่ดีกว่า การให้อภัย ทำให้เราได้ความสุขกลับมา


Cr. บอร์นเก้าสาม