เขาและเธอทะเลาะกัน จนตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กว่า20ปี เมื่อต่างเดินแยกทาง


 "อย่าปล่อยให้ทุกอย่างสายเกินไป" เขาและเธอทะเลาะกัน จนตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กว่า20ปี เมื่อต่างเดินแยกทาง สามีกลับได้รับโทรศัพท์จากภรรยา เค้าไม่รับแต่ใครจะนึกว่ามันคือ "สายสุดท้าย....."

อ่านเรื่องนี้แล้ว น่าจะให้ใครหลายคน กลับมานั่งหวนคิดทบทวนตัวเอง. "ใจเขาใจเรา ถ้ามีปัญหาแล้วไม่นำมาพูดจากัน มัวแต่ทิฐิเก็บไว้ในใจ คิดแต่ว่าตัวเองถูก ตัวเขาผิด หรือคิดนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ชีวิตคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เพียงแต่ว่าตัวเราจะเปิดใจยอมรับข้อเสียของเขาได้หรือไม่ ซึ่งตัวเราเองก็มีข้อเสียเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยยอมรับหรือพยายามแก้ไข "....นี่คือปรัชญาของการมีคู่....

“อย่าปล่อยให้ทุกอย่างสายเกินไป” เขาและเธอทะเลาะกัน จนตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กว่า20ปี เมื่อต่างเดินแยกทาง สามีกลับได้รับโทรศัพท์จากภรรยา เค้าไม่รับแต่ใครจะนึกว่ามันคือ “สายสุดท้าย…..” ทั้งสองคนจบความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา หลังจากแต่งงานกันมา 20 ปี สาเหตุก็เพราะตั้งแต่แต่งงานมาทั้งคู่ทะเลาะกันไม่หยุด ด้วยความขี้บ่นของทั้งคู่ ความเห็นไม่ตรงกัน เข้ากันไม่ได้ เพื่อจะให้ชีวิตในบั้นปลายสุขสงบ ไม่ต้องมาอดทนต่อสิ่งที่ไม่ชอบของอีกฝ่าย ก็เลยตัดสินใจหย่ากัน หลังจากเซ็นใบหย่าที่อำเภอ ฝ่ายชายก็เอ่ยว่า : 


 「ไปกินข้าวกันอีกสักมื้อมั้ย」 ฝ่ายหญิงเห็นว่าคงไม่มีอะไรทำให้เกลียดกันไปมากกว่านี้แล้วก็เลยตกลง เมื่อไปถึงร้านก็สั่งอาหาร พอปลานึ่งมะนาวมา ฝ่ายชายก็ตักให้พร้อมบอกว่า 「ผมรู้นี่ของโปรดของคุณ」 เท่านั้นแหล่ะ ฝ่ายหญิงก็ระเบิดออกมา 「คุณมันเป็นพวกคิดเองเออเอง เอาความคิดของตนเป็นใหญ่ ไม่เคยสนใจอะไรใครทั้งนั้น แต่งงานกันมาตั้งนาน คุณยังไม่รู้เลยว่าฉันเกลียดปลาที่สุด」


 ฝ่ายชายก็ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ 「คุณเองก็ไม่เคยรู้ว่าผมใส่ใจคุณมากแค่ไหน ผมคิดถึงและเป็นห่วงคุณตลอดเวลา ผมอยากเอาใจคุณ ปลานึ่งมะนาวก็เป็นอาหารที่ผมชอบที่สุด คุณรู้มั้ย?」 ทั้งๆที่ทั้ง 2 คนรักกันอย่างมาก แต่การที่ไม่เปิดอกคุยกันทำให้ต้องพบกับจุดจบคือการแยกจาก นี่เป็นปัญหาของความรัก หรือปัญหาของชีวิตแต่งงาน? หลังจากกินข้าวเสร็จ ทั้งสองก็แยกจากกันไปคนละทาง เธอเดินไปทางซ้าย เขาเดินไปทางขวา และเพื่อไม่ให้ทั้งสองรู้สึกว่าตนตัดสินใจผิด ก็เลยตกลงว่าจะไม่ติดต่อกันในช่วงหนึ่งเดือนแรก หลังจากฝ่ายชายเดินไปได้สักพัก มือถือของเขาก็ดัง มันขึ้นเป็นเบอร์ของฝ่ายหญิง เขาลังเลอยู่นานแล้วก็ตัดสินใจไม่รับ ตกดึกคืนนั้นเขานอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาอยู่ทั้งคืน จนทนไม่ไหว ตัดสินใจโทรหาเธอ เขาโทรอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีคนรับสักทีจนเขาเกือบถอดใจ ก็มีเสียงชายหนุ่มรับโทรศัพท์ 「สวัสดีครับ」


 เขาได้ยินเสียงผู้ชายก็เริ่มหึง แต่ก่อนที่จะพูดอะไรอีกฝ่ายก็ถามว่า 「ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็นสามีของคุณ XX ใช่มั้ยครับ ในมือถือมันขึ้นว่าอย่างนั้น」 เขาตอบกลับไปด้วยเสียงไม่พอใจนัก 「ใช่ แล้วคุณเป็นใคร」 「ผมเป็นหมอ ภรรยาคุณถูกรถชนตอนนี้กำลังอยู่ในห้องผ่าตัด กรุณาช่วยมาที่โรงพยาบาล XX ด่วน」 เขาได้ยินดังนั้นก็เหมือนหัวใจแทบหลุดออกจากร่าง ที่แท้หลังแยกจากกัน เธอเดินอย่างไม่มีสติก็เลยถูกรถที่วิ่งมาอย่างเร็วชน เธอโทรหาเขา แต่เขาก็ไม่รับ…

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เขาคุกเข่าลงขอร้องหมอให้ช่วยชีวิตภรรยาของเขา คุณหมอพยุงเขาขึ้นมาแล้วบอกว่า 「แพทย์จะพยายามเต็มความสามารถ แต่ศีรษะของภรรยาคุณโดนกระแทกอย่างรุนแรง ยังไงคุณก็ควรจะเผื่อใจไว้บ้าง」 เขานั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ในใจก็คิด 「ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมจะทำยังไง?」

แล้วไฟห้องฉุกเฉินก็ดับลง คุณหมอหลายคนเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก 「เราพยายามเต็มที่แล้ว แต่อาการเธอสาหัสเกินไป แพทย์ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากกว่านี้ เธออาจจะอยู่ได้ถึงแค่พรุ่งนี้เช้า คุณควรเข้าไปดูเธอเดี๋ยวนี้」 ได้ยินดังนั้นเขาก็ใจสลาย ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของดวงใจของเขากำลังจะจากไปแบบไม่มีวันหวนกลับ เขาสูดหายใจเข้า แล้วพยายามประคองตัวเองเดินเข้าไป ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีเค้าของภรรยาสุดที่รักของเขาเลย เธอถูกพันด้วยผ้าพันแผลไปทั้งหน้า เหลือแค่ส่วนตาและปากที่พ้นออกมา 


 「ผมมาช้าไป」 เขาพูดกับเธอ แล้วเขาก็เห็นผ้าพันแผลบริเวณดวงตาเริ่มชุ่ม เธอร้องไห้ พร้อมกับขยับริมฝีปาก เขาก็เลยเอาหูเข้าไปแนบ 「ฉันโทรหาคุณ…… ก็แค่จะบอกว่า…….สมุดประกันชีวิต…….และสมุดเงินฝาก……อยู่ในตู้หัวเตียง……รหัสเอทีเอ็มก็คือ…..วันเกิดคุณ………แล้วก็…..ฉันชอบ…….ข้าวต้ม…..ที่คุณทำ….และ………ฉัน……..รัก……..」 นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่หลุดออกจากปากเธอ เธอจากไปแล้ว เธอชอบข้าวต้มที่ผมทำ ข้าวต้มที่ผมทำให้เธอกินเพียงครั้งเดียวตอนเธอไม่สบายหลังแต่งงานใหม่ๆ ข้าวต้มรสชาติแย่ๆของผม…น้ำตาของผมร่วงพรูโดยไม่รู้ตัว

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน เขาก็เปิดตู้หัวเตียงเอาสมุดประกันและสมุดบัญชีออกมาดู เงินไม่ได้มีมากมาย แต่มีจดหมายแนบอยู่หนึ่งฉบับ「ที่รัก ตอนที่คุณเห็นจดหมายฉบับนี้ ฉันคงจากไปแล้ว ไม่ว่าตอนนี้เราจะรักกันหรือเลิกกันไปแล้ว.. ขอเพียงให้คุณรู้ว่า ฉันรักคุณ รักไม่เคยเปลี่ยน รักตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ การได้ดูแลคุณเป็นความสุขของฉัน เมื่อฉันจากไปแล้วก็ขอให้สมุดประกันเล่มนี้เป็นตัวแทนฉันอยู่ข้างๆคุณต่อไป ฉันจะคอยบอกรักคุณจากบนฟ้า」

เขาเห็นแล้วก็พูดอะไรไม่ออก แม้แต่ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต เธอก็ยังอยากบอกเขาว่า 「ฉันรักคุณ」 การที่คนสองคนตัดสินใจร่วมทางกัน แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน ทั้งหมดก็เพราะรัก เพียงแค่วิธีการที่ทั้งสองใช้แสดงความรักไม่เหมือนกัน ถ้าเราเอาวิธีของตัวเองไปตัดสินความรักของอีกฝ่าย ผลก็อาจจะออกมาเป็นลบ แม้จะรักกัน แต่ก็ไม่มีทางรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร บางที การไม่พูดว่าตัวเองรักออกมาดังๆ แม้ว่าจะรักมากแค่ไหน ผ่านไปแล้ว ก็ไม่อาจย้อนกลับมาได้

ผู้หญิงชอบของแบรนด์เนม จริงๆแล้วเธอแค่ต้องการการเอาอกเอาใจ

ผู้หญิงชอบของฝาก จริงๆแล้วเธอแค่ต้องการความคิดถึง

ผู้หญิงชอบของขวัญวันเกิด จริงๆแล้วเธอแค่ต้องการความใส่ใจ

ผู้หญิงชอบอ้อมกอด จริงๆแล้วเธอแค่ต้องการความอบอุ่น

ผู้หญิงชอบทะเลาะ จริงๆแล้วเธอแค่ต้องการความเข้าใจ

ทุกอย่างที่ผู้หญิงอยากได้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่ผู้ชายแคร์ความรู้สึกของเธอ

แม้ว่าจะผิดที่ ผิดเวลา แต่ถ้าเจอคนที่ใช่ ทุกอย่างก็กลายเป็นสิ่งที่ถูกได้

ความร่ำรวยที่แท้จริงไม่ใช่ตัวเลขในสมุดบัญชี แค่เป็นรอยยิ้มบนใบหน้า

เงินมากน้อยไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือคุณหาคนที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับคุณเจอ

ความสุขที่สุดบนโลกใบนี้คือคำสามคำ 「กันและกัน」