คาถาพระสีวลีของ ”หลวงปู่จาม” ท่องทุกวันแล้วจะเหลือกินเหลือใช้

 ท่องแล้วรวย! คาถาพระสีวลีของ ”หลวงปู่จาม” ท่องทุกวันแล้วจะเหลือกินเหลือใช้

ท่องแล้วรวย!! คาถาพระสีวลีของ ”หลวงปู่จาม” ท่องทุกวันแล้วจะเหลือกินเหลือใช้

เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะสำหรับเรื่องแบบนี้หลายคนอาจจะนั่งคิดนอนคิดว่าทำไมตัวเราเองทำอะไรก็ไม่ดีทำอะไรก็ขึ้นสักที รู้สึกน้อยบ้างบางคนก็หาแนวทางการแก้หรือการทำเพื่อให้สบายใจเช่นเข้าวัดทำบุญหรือไปหาสถานที่ต่างๆที่ทำให้สบายใจ วันนี้ไข่เจียวจึงนำคาถาของหลวงปู่จามมาให้ดูกัน เชื่อว่าท่องแล้วจะรวยและเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ บอกเลยว่าแม้แต่พระเณรที่วัดเจดีย์หลวงยังพากันมาขอเรียน จนต้องปิดกุฏิหนีเลยทีเดียวหลวงปู่จาม3

เรื่องปัจจัย ๔ ขณะที่อยู่วัดเจดีย์หลวง เมืองเชียงใหม่ทุกครั้งทุกคราวไม่ขาดอะไรสักอัน ยิ่งเรื่องอาหารบิณฑบาตด้วยแล้วไม่เคยลำบากเลยได้มาก

หมู่พระเณรไปบิณฑบาตกลับมาได้หมู่ละน้อยเดียวจะฉันก็ไม่พออิ่ม ส่วนผู้ข้าฯ บางวันรถล้อถีบตามมาส่งศรัทธาที่เขาใส่บาตรเขาจ้างให้ บางวันก็หิ้วพะรุงพะรัง

เดินไปทางเส้นไหนก็ได้มาทุกเส้นทุกสายบิณฑบาต จนพระเณรเขาอิจฉาหรือบางคนถึงกับเดินตามไปก็มี ยิ่งกว่านั้นมาถามว่า ....

“ ท่านอาจารย์ทำไมรวยอาหารแท้ทำอย่างไร ” ?

“ ก็บุญเก่าของเพิ่น ” ผู้ข้าฯ ตอบ

“ ได้ยินเขาว่า ท่านอาจารย์เจริญคาถา ” ?

“ เจริญคาถาพระสีวลี ”...(หลวงปู่จาม)

“ พวกผมก็เจริญเหมือนกันไม่เห็นร่ำรวยได้มาอย่างท่านอาจารย์เลยครับ คาถาของท่านอาจารย์ว่าอย่างได๋ ” ?

“ไม่มีคาถมคาถาอะหยังดอก ก็ไปตามปกตินี้หล่ะไปขอข้าวเขามากิน เขาให้ก็เอาเขาไม่ให้ก็แล้วไป เดินไปข้างหน้าจนสุดทางแล้วก็กลับมาไม่ได้ว่าไม่ได้ขอออกปากกับใคร ”...(หลวงปู่จาม)

“ท่านอาจารย์ต้องมีคาถาเรียกลาภ พวกผมเคยได้ยินพระเณรวัดพระสิงห์เมืองเชียงใหม่ เล่าลือกันอยู่ว่า ตุ๊ป่าวัดเจดีย์หลวงตนหนึ่งเจริญคาถาพระสีวลี ก่อนออกบิณฑบาตจึงได้ร่ำรวยได้อาหารมาก

พวกผมได้ยินมาอย่างนี้ และยังได้เห็นท่านอาจารย์ แบ่งอาหารให้เณรวัดพระสิงห์อีกด้วย ”

พวกเขาไม่ยอมวันต่อมาก็มาขอเรียนคาถาพระสีวลีอีก...หลายครั้งหลายวันจนผู้ข้าฯ ก็ออกจะรำคาญ จึงได้บอกแก้รำคาญพอแล้วๆ ไป พอคนนี้มาเรียนคนนั้นก็มาเรียน

แต่เราก็บอกว่าหากผู้ใดเคยให้ทานทำบุญมาก่อนแต่หลายภพหลายชาติคาถาบทนี้จึงจะศักดิ์สิทธิ์เป็นผลเป็นมงคล ทีนี้บางคนเรียนไปก็ได้ผลบางคนเรียนไปเจริญก่อนออกบิณฑบาตกลับมาบาตรเปล่าก็มี

ก็มาต่อว่าหาว่าบอกคาถาไม่จบบท ก็เลยวุ่นวายกันอยู่พักใหญ่ๆผู้บิณฑบาตร่ำรวยก็เชื่อศรัทธา ผู้มาใหม่ก็มาขอเรียนอีก วุ่นกันไม่รู้จบในที่สุดเลยให้พระนักเรียนนักศึกษาเขาเขียนใส่กระดาษแปะติดกับแผ่นไม้อัดแล้วแขวนไว้หน้ากุฎิว่า...

“ อิติปิโส ภควา สิมพะลี จ มหาเถโร มหาลาโภ มหาลาภัง มหาเตชา สัพพะลาภา ภะวันตุ เม เอตัง มะมะ ”

ก็แก้รำคาญไปอย่างนั้นมันไม่ใช่แก่นสารสาระอะไรหรอก บุพกรรมเคยทำบุญให้ทานเคยฝากไว้กับพระพุทธศาสนากับโลกสงสารนี้เองก่อนทั้งนั้นแหละ ของใครของมันทำไว้ทำมาแล้วต่างหาก…"

ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม (วัดหนองน่อง) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะเพราะเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับใครหลายๆคน